Breaking News

Krungthai COMPASS เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3/2567 ขยายตัว 3.0%YoY เร่งตัวจากไตรมาสก่อนซึ่งเติบโต 2.2%YoY โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากการบริโภคและลงทุนภาครัฐที่ปรับตัวดีขึ้นตามการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ ประกอบกับการส่งออกยังขยายตัวดี *** ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังเผชิญความไม่แน่นอน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงด้านต่ำต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจระยะข้างหน้า โดยเฉพาะสงครามการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยสภาพัฒน์ประเมินว่าจะขยายตัวได้ในช่วง 2.3% ถึง 3.3%

orbix TECHNOLOGY - G.U.Group, Inc. ร่วมลงนามผลักดันความก้าวหน้าด้านบล็อกเชน

orbix TECHNOLOGY - G.U.Group, Inc. ร่วมลงนามผลักดันความก้าวหน้าด้านบล็อกเชน
1
เขียนโดย Intrend online 2024-11-15

orbix TECHNOLOGY และ G.U.Group, Inc. ร่วมลงนามผลักดันความก้าวหน้าด้านบล็อกเชน ในระบบการเงินดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน


ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด (orbix TECHNOLOGY) จับมือ G.U.Group, Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ผู้ให้บริการโซลูชันในด้าน Stablecoin ธุรกิจ NFT และเทคโนโลยีบล็อกเชนในรูปแบบสาธารณะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนสำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นที่มีเสถียรภาพและสามารถต่อยอดได้เพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต มุ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานภาคธุรกิจให้สามารถกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินบนบล็อกเชนได้โดยตรง ลดต้นทุนตัวกลาง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยมุ่งมั่นที่จะวางรากฐานสำหรับการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนในอนาคต เชื่อมต่อในการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลของไทยและญี่ปุ่น

 

นายญาณวิทย์ รักษ์ศรี (ที่ 2 จาก ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด (orbix TECHNOLOGY) พร้อมด้วย Mr. Hidekazu Kondo (ที่ 2 จาก ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท G.U.Group, Inc. ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นที่มีเสถียรภาพและสามารถต่อยอดได้ เพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต ให้มีการรักษาความปลอดภัยที่มีความรัดกุมเพียงพอ รวมถึงการศึกษาแนวคิดที่เสริมสร้างการเชื่อมโยงทางการเงินข้ามพรมแดนและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานร่วมกันให้ดียิ่งขึ้น โดยนำเทคโนโลยี Smart Contract มาใช้ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานของภาคธุรกิจให้สามารถกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินบนบล็อกเชนได้โดยตรง ลดต้นทุนตัวกลาง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน  พร้อมเป็นสะพานเชื่อมต่อในการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลของทั้งสองประเทศ ซึ่งการลงนามครั้งนี้มี นายวรวรรต หันหาบุญ (ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท orbix TECHNOLOGY และ Mr. Shunsuke Ichikawa (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท G.U.Group, Inc. ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคาร K+ เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

นายญาณวิทย์ รักษ์ศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออร์บิกซ์ เทคโนโลยี แอนด์ อินโนเวชั่น จำกัด (orbix TECHNOLOGY) เปิดเผยว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมสำคัญของภาคธุรกิจในอนาคต ในด้านระบบการชำระเงิน รวมถึงการทำธุรกรรมข้ามประเทศ ล่าสุด บริษัทจึงได้ทำความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่าง orbix TECHNOLOGY และ G.U.Group, Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ให้บริการโซลูชันในด้าน Stablecoin ธุรกิจ NFT และเทคโนโลยีบล็อกเชนในรูปแบบสาธารณะ ในการดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นที่มีเสถียรภาพและสามารถต่อยอดได้ เพื่อรองรับการขยายตัวและการเติบโตของระบบการเงินดิจิทัลในอนาคต มุ่งเน้นระบบให้มีการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุม โดยนำเทคโนโลยี Smart Contract มาใช้ ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานของภาคธุรกิจให้สามารถกำหนดเงื่อนไขการชำระเงินบนบล็อกเชนได้โดยตรง ลดต้นทุนตัวกลาง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานพร้อมเป็นสะพานเชื่อมต่อในการทำธุรกรรมดิจิทัลที่ปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานการกำกับดูแลของทั้งสองประเทศ

ทั้งนี้ ความร่วมมือกับ G.U.Group, Inc. ในครั้งนี้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการใช้ Quarix ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีบล็อกเชนมาเป็นรากฐานสำคัญที่เชื่อมโยงเพื่อสร้างระบบนิเวศการเงินดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพสำหรับโลกการเงินดิจิทัลในอนาคตต่อไป

Mr. Hidekazu Kondo ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท G.U.Group, Inc. กล่าวเพิ่มเติมว่า การเป็นพันธมิตรร่วมกับ orbix TECHNOLOGY ทำให้เราสามารถผลักดันพันธกิจร่วมกันในการพัฒนาโซลูชันบล็อกเชนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยกำลังพิจารณาการทดลองแลกเปลี่ยนสกุลเงิน Stablecoin โดยอิงมูลค่าค่าเงินเยนกับเงินบาท โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลกรูปแบบใหม่ที่ใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัลระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย โดยโครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในวงกว้าง รวมถึงสามารถนำเทคโนโลยีข้างต้นไปประยุกต์ใช้กับระบบการทำธุรกรรมทางเงินในปัจจุบันได้ โดยจะเป็นการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ทั้งสองประเทศก้าวสู่การเป็นผู้นำในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนในภูมิภาคเอเชีย โดยคาดว่าโครงการนี้จะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไปในอนาคต