Breaking News

การประชุมกนง. วันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% ตามคาด ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับศักยภาพ เงินเฟ้อที่โน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมาย และการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว รวมทั้งรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่ปรับสูงขึ้น --- ในปี 2568 มีความเป็นไปได้ที่กนง. อาจปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมอีกราว 2 ครั้ง ท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ ทิศทางเงินเฟ้อในปี 2568 ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำกว่าเป้าหมายของกนง. ที่ 1-3%

ยูโอบี เผยมุมมอง ชัยชนะเลือกตั้งของทรัมป์ส่งผลอย่างไรต่อพอร์ตลงทุน

ยูโอบี เผยมุมมอง ชัยชนะเลือกตั้งของทรัมป์ส่งผลอย่างไรต่อพอร์ตลงทุน
1
เขียนโดย ธนาคารยูโอบี 2024-11-21

กรุงเทพฯ, 21 พฤศจิกายน 2567 – ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับพอร์ตการลงทุน หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์และพรรครีพับลิกันชนะการเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองของสหรัฐฯ ตลาดการเงินและพอร์ตการลงทุนอาจเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการประกาศแนวนโยบายของสหรัฐฯ โดยปฏิกิริยาของตลาดในเบื้องต้นหลังการเลือกตั้งมีแนวโน้มเป็นบวก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงในระยะสั้น เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับภาษี ทั้งนี้ หากรัฐสภาใหม่ยังคงนำโดยพรรครีพับลิกัน ความไม่แน่นอนด้านนโยบายและการกำกับดูแลในอนาคตอาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาด

ผลกระทบของการเลือกตั้งครั้งนี้ต่อตลาดและการลงทุน

- แนวโน้มภาพรวมของตลาด: แม้ว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่งทำให้ตลาดตอบสนองในเชิงบวก นักลงทุนยังคงควรเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านการค้า อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น คาดว่านโยบายของทรัมป์จะยังคงเน้นการลดภาษีและการลดการกำกับดูแล ซึ่งอาจกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดในระยะสั้นได้

- หุ้นสหรัฐฯ: ภายใต้กลยุทธ์ “อเมริกาต้องมาก่อน (America First)” นโยบายต่างประเทศของทรัมป์คาดว่าจะช่วยสนับสนุนบางภาคส่วน เช่น การเงิน อุตสาหกรรม การผลิต และพลังงาน อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอาจได้รับผลกระทบ หากมีการยกเลิกกฎหมายลดเงินเฟ้อ (Inflation Reduction Act) ในขณะเดียวกัน ภาษีที่สูงขึ้นและนโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นอาจกระทบต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

- ตราสารหนี้และอัตราดอกเบี้ย: นโยบายการปรับลดภาษีและแนวโน้มการใช้จ่ายของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นอาจกดดันต่อการขาดดุลการคลังที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลทำให้กระทรวงการคลังต้องออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มมากขึ้น แม้ว่าในระยะสั้นพันธบัตรอาจเผชิญแรงกดดันจากการขาย แต่ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพมีอัตราผลตอบแทน(yield) ที่ยังคงมีความน่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการลดอัตราดอกเบี้ย

- ผลกระทบระหว่างประเทศ: เศรษฐกิจจีนอาจได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีที่ทรัมป์เสนอ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน หุ้นในอาเซียนและเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) อาจได้รับประโยชน์จากการย้ายห่วงโซ่อุปทาน หากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเพิ่มขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนในรัฐบาลใหม่

- เน้นกระจายการลงทุนและสร้างความยืดหยุ่น: นักลงทุนควรมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายเพื่อบริหารความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและผลประกอบการที่มั่นคงสนับสนุนแนวโน้มเชิงบวกในตลาดหุ้น แต่นักลงทุนควรมีความยืดหยุ่นเพื่อรับมือกับการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

- พิจารณาสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ (defensive assets): ตราสารหนี้ที่มีคุณภาพสูงและศักยภาพในการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอเหมาะสำหรับพอร์ตการลงทุนที่เน้นความมั่นคง นอกจากนี้ หุ้นในอาเซียนและเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ที่มีระดับมูลค่าและอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจยังคงเป็นโอกาสในการลงทุนที่ดีในสภาวะการเปลี่ยนแปลงการค้าระหว่างประเทศ

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทยขอแนะนำนักลงทุนให้ติดตามข้อมูลข่าวสารและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายสหรัฐฯ และสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพพอร์ตการลงทุนในการบริหารความเสี่ยงและคว้าโอกาสในการลงทุน

 

โดยนายกิดอน เจอโรม เคสเซล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผลิตภัณฑ์เงินฝากและบริหารการลงทุนบุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย